วิธีการเลือกซื้อทีวีตามแบบฉบับของยอดเยี่ยม

วิธีการเลือกซื้อทีวีตามแบบฉบับของยอดเยี่ยม

คุณอาจคิดว่าการเลือกซื้อทีวีเครื่องใหม่สักเครื่องนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากอะไร แต่คุณรู้หรือไม่ว่าทีวีนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจดูไม่ค่อยมีรายละเอียดในการเลือกซื้อเท่าไหร่

ก็เพียงแค่สามารถมองเห็นภาพได้คมชัด สีสวยงามเท่านั้น แต่มันมีอะไรให้คุณได้เลือกและตัดสินใจมากกว่านั้นอย่างแน่นนอ ยิ่งในปัจจุบันการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในเรื่องของเทคโนโลยีในเรื่องของความละเอียดและคมชัดของภาพนั้น จะมาในเรื่องของ Ultra HD (UHD) หรือ 4K ที่จะมีความละเอียดของภาพได้มากกว่าแบบ HDTV และในเรื่องของสีและความคมชัดของภาพแล้ว จุดเด่นของ 4K นั่นก็คือมีช่วงไดนามิกสูงหรือ HDR ซึ่งจะทำให้ได้ภาพที่สว่างสดใสมีชีวิตชีวาเหมือนจริงมากกว่า แน่นอนว่าการจัดการกับเทคโนโลยีที่ล้ำขนาดนี้ก็จะต้องมีตัวกลางที่จะช่วยให้ภาพของทีวีคุณสวยงาม แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรละว่าทีวีที่คุณเลือกนั้นมีฟังก์ชั่นที่เหมาะกับความต้องการการใช้งานของคุณหรือไม่

ในปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีทีวีรุ่นใหม่ที่เรียกว่า OLED TV ซึ่งจะเห็นได้จากทีวีที่มีขนาดใหญ่ แน่นอนว่าราคานั้นก็จะต้องสูงกว่ารุ่นที่เป็นแบบ LCD / LED ในด้านราคาเราสามารถเห็นได้จากความแตกต่างกันของขนาด ประสิทธ์ภาพของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทีวีแบบ LCD  นั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และในเครื่องของประสิทธิภาพนั้นก็ถือว่ามีความใกล้เคียงกับการทำงานของ OLED TV เช่นกัน แต่ในตัวทีวีแบบ OLED นั้นจะมีเพียงแบรนด์ LG และ SONY เท่านัน ถือว่าน้อยกว่าแบรนด์ที่ผลิตทีวีแบบ LCD

เมื่อคุณทราบแล้วว่าคุณต้องการทีวีแบบไหน แต่ก็ยังคงติดในเรื่องของขนาด คุณภาพและคุณสมบัติการเชื่อมต่อที่จำเป็นของอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่ไม่ว่าจะเป็นในเครื่องเล่นเสียงแบบสตรีมมิ่งหรือลำโพงก็ตาม มาดูวิธีการเลือกซื้อทีวีที่เราจะนำมาเสนอในวันนี้กันเลยดีกว่า ว่าเราควรเลือกอะไร จากสิ่งใดบ้าง

อ่านเพิ่มเติม

ขนาดของหน้าจอ

ขนาดของหน้าจอ

ทางเลือกการซื้อที่เห็นว่าจะง่ายและเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือขนาดของหน้าจอ หน้าจอทีวีจะวัดตามแนวทแยงมุมและมีขนาดตั้งแต่น้อยกว่า 20 นิ้วไปจนถึงมากกว่า 80 นิ้วเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามการเลือกขนาดของหน้าจอนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานที่การใช้งาน เช่น ถ้าหากเป็นการใช้ในห้องนอนหรือห้องครัว ก็ควรมีขนาดซัก 24 นิ้ว ถึง 32 นิ้วก็จะกำลังพอดี แต่ถ้าหากใช้ในห้องรับแขกนั้นก็ควรมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับพื้นที่การใช้งาน ขนาดห้องและระยะห่างของเราจากตัวทีวี

แม้ว่าจะไม่มีกฎการเลือกซื้อทีวีตามขนาดหน้าจอที่ตายตัว แต่ก็มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและตามความชอบส่วนบุคคลแต่แน่นอนว่าความชัดที่มาพร้อมขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นก็มักจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเลือกซื้อทีวีอย่างแน่นอน

หากคุณซื้อชุด 1080p และตัวเลือกในทีวีที่มีขนาดหน้าจอใหญ่นั้นน้อยมาก คุณก็ควรจะเลือกขนาดหน้าจอที่เหมาะสมได้ในขณะที่ยังคงรักษามุมมองที่เหมาะสมได้สูงสุดอยู่ที่ 1.6 เท่าของการวัดเส้นทแยงมุมของทีวี ดังนั้น ถ้าคุณมีทีวีหน้าจอขนาด 60 นิ้ว คุณควรนั่งห่างทีวีอย่างน้อย 96 นิ้ว (244 ซม.)

หากคุณต้องการเริ่มต้นการเลือกขนาดของหน้าจอจากระยะการดูที่ดี คุณสามารถวัดระยะห่างจากโซฟาของคุณไปยังทีวีแล้วนำมาหารด้วย 1.6 แล้วคุณก็จะได้ขนาดหน้าจอที่เหมาะสมกับพื้นที่ของคุณได้ ดังนัน หากคุณมีพื้นที่จากที่จะวางทีวีถึงโซฟาที่ 96 นิ้ว ก็นำมาหารด้วย 1.6 จะได้เท่ากับ 60 นั่นหมายความว่าหน้าจอทีวีขนาด 60 นิ้วจะเป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับระยะห่างการดูทีวีของคุณนั่นเอง (1 นิ้ว = 2.54 เซนติเมตร)

แต่ถ้าพูดถึงหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือรุ่น UHD ขนาด 4K ซึ่งมีหน้าจอความละเอียดสูง 4K ที่มีพิกเซลหนาแน่นมาก นั่นหมายความว่าคุณสามารถใช้งานในการรับชมที่มีระยะไกลขึ้นได้โดยยังคงได้รับภาพที่สดงดงาม แต่ทั้งนี้เราขอแนะนำในเรื่องของการรับชมที่มีระยะที่เหมาะสมจะทำให้คุณได้รับชมทีวีขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดสูง คุ้มค่ากับการจ่ายเงินเพิ่มขึ้นของคุณอย่างแน่นอน

หากคุณมีงบประมาณในการเลือกซื้อทีวีของคุณที่ค่อนข้างจำกัด ก็มีมากมายหลากหลายแบรนด์ให้คุณได้เลือกซื้อ ซึ่งแน่นอนว่าความต่างในเรื่องของราคาและคุณภาพของหน้าจอก็จะมีความแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งคุณอาจจะต้องศึกษาสักนิดและคำนวณความคุ้มค่าที่คุณจะได้รับ หรือพอรับได้ในระดับใด

ต่อไปนี้เป็นช่วงราคาขายทั่วไปสำหรับหน้าจอขนาดต่าง ๆ :

  • ประมาณ 4,500 ถึง 10,000 บาท สำหรับขนาด 32 นิ้ว
  • 8,000 ถึง 20,000 บาท สำหรับขนาด 39 ถึง 43 นิ้ว
  • 10,000 ถึง 25,000 บาท สำหรับขนาด 49 ถึง 50 นิ้ว
  • 14,000 ถึง 70,000 บาท สำหรับขนาด 55 ถึง 59 นิ้ว
  • 19,000 ถึง 200,000 บาท สำหรับขนาด 60 ถึง 65 นิ้ว
lazada-logo

Sharp LED TV 32″

รุ่น LC-32LE280X

Sharp LED TV 32″ รุ่น LC-32LE280X

[wp_live_scraper id=”1064″]

ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”1065″]

ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”1066″]

วิธีเลือกระหว่าง HD หรือ Ultra HD

ถ้าหากจะพูดถึงความแตกต่างของ HD และ Ultra HD นั้นก็คงเป็นความละเอียดของหน้าจอ ที่แบบความละเอียดสูง HD ปกติจะเรียกแบบว่า ชุด 1080p เนื่องจากความละเอียดของหน้าจอคือ 1920×1080 นั่นหมายความว่า มันมี 1,920 พิกเซลแนวนอนและ 1,080 พิกเซลในแนวตั้ง ดังนั้นจึงมีประมาณ 2 ล้านพิกเซลในจอทีวีนั้น ๆ

ทีวีความละเอียดสูง (UHD) หรือที่เรียกว่าทีวี 4K มีความละเอียดหน้าจอ 3840×2160 ดังนั้นจึงมีพิกเซล 8 ล้านพิกเซลหรือสี่เท่าของจำนวนพิกเซลแต่ละภาพเป็นชุด HD อาเรย์พิกเซลที่หนาแน่นมากขึ้นในชุด UHD ช่วยให้สามารถดูรายละเอียดของภาพได้มากขึ้น ประโยชน์ของ UHD TV มีมากขึ้นในขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเช่น 65 นิ้วขึ้นไปหรือเมื่อคุณต้องการนั่งใกล้ทีวีมากกว่าที่คุณจะทำได้ด้วยชุด 1080p

วิธีเลือกระหว่าง HD หรือ Ultra HD

สำหรับการซื้อทีวี 4K นั้นจะทำให้เราได้ทีวีที่มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะทำให้ไม่เหมาะกับชุด HD เพราะความละเอียดไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากเป็นทีวีที่มีขนาดหน้าจอ 1080p และ 720p ก็จะเหมาะสมกับหน้าจอที่มีขนาด 32 นิ้วหรือขนาดเล็กกว่า

ข่าวดีก็คือในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเป็นอย่างมากในเรื่องของ 4K เพราะได้มีบริการสตรีมมิ่ง เช่น iflix และ Netflix โดยขณะนี้ได้มีเครื่องเล่น Blu-ray HD ขนาด 4K ที่สามารถเล่นแผ่น Blu-ray 4K ได้ และแน่นอนว่าจะเป็นที่นิยมมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน

อีกเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้คุณตัดสินใจที่จะเลือกทีวี 4K ก็คงเป็นในเรื่องมาตรฐานของ UHD บางอย่าง รวมถึงช่วงไดนามิกสูง (HDR) และจานสีที่กว้างขึ้นทำให้คุณไม่ต้องกังวลในเรื่องของการพลาดชมภาพที่มีคุณภาพสีสดสวย และชัดอย่างถูกใจคุณ

lazada-logo

Sharp FHD LED TV 40″

รุ่น LC-40SA5200X

Sharp FHD LED TV 40" รุ่น LC-40SA5200X

[wp_live_scraper id=”1061″]

ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”1062″]

ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”1063″]

ช่วงไดนามิกสูง (HDR)

ช่วงไดนามิกสูง (HDR)

อย่างที่คุณได้ทราบมาก่อนหน้านี้ในเรื่องของทีวีที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อาจมีช่วงไดนามิกสูงหรือ HDR เมื่อมี HDR จะทำให้มีความสว่าง ความคมชัดและสีของทีวีที่เพิ่มขึ้น ทำให้ได้ภาพที่สวยและดูเหมือนจริงมากที่สุด

ดังที่คุณเห็นในภาพที่สร้างด้านล่างเมื่อ HDR ทำงาน คุณจะเห็นรายละเอียดที่อาจไม่ชัดเจนจากพื้นผิวของอิฐบนทางเดินที่ร่มรื่น ไปจนถึงความแตกต่างในเมฆสีขาวในท้องฟ้าตอนเวลากลางวัน

นอกจากนี้คุณยังจะได้เห็น “ไฮไลต์ที่เป็นลวดลาย” ที่สว่างและดูสมจริงมากขึ้น เช่น แสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ที่เกิดจากกันชนรถโครเมี่ยม หรือปีกเครื่องบิน ด้วย HDR ไฮไลต์ทำให้โดดเด่นขึ้น โดยที่จะไม่โดดเด่นกับวัตถุอื่น ๆในภาพ

HDR ทำทุกอย่างด้วยการเพิ่มความคมชัดระหว่างคนผิวขาวที่สว่างที่สุด และคนผิวดำที่มืดที่สุดที่ทีวีสามารถผลิตได้ นี่คือที่ที่ “ช่วงไดนามิค” ที่มาของชื่อมาจากตรงนี้แหละ

โดยปกติแล้วทีวี HDR จะมีสีสันสดใสแตกต่างจากชุดอื่น ๆ นั่นเป็นเพราะ HDR มักจับคู่กับ “ช่วงกว้างของสี” หรือความสามารถของ WCG

HDTV มาตรฐานสามารถแสดงได้ประมาณ 17 ล้านสี แต่หากที่ WCG ด้วยนั้น สามารถแสดงได้ถึงหนึ่งพันล้าน เช่นเดียวกับการให้ทีวีของคุณมีกล่องดินสอสีขนาดใหญ่ที่จะเล่นสีได้หลากหลายด้วยนั่นเอง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณจะไม่สามารถรับชมสีสันและความคมชัดของทีวีที่ดีที่สุด หากคุณเปิดช่องรายการทีวีที่มีค่าความละเอียดไม่เพียงพอกับทีวีของคุณ แต่หากคุณทำการเปิดภาพยนตร์หรือรายการทีวีที่มีความละเอียดแบบ HDR และ WCG นั่นก็ทำให้คุณสามารถรับชมแบบ 4K ได้ด้วยคุณภาพ HDR จากบริการสตรีมมิ่งบนแผ่น Blu-ray 4K และวิดีโอเกมที่มีให้เลือกแบบมากมาย

lazada-logo

Samsung UHD Smart TV 49″

รุ่น 49MU6100

Samsung UHD Smart TV 49" รุ่น 49MU6100

[wp_live_scraper id=”1055″]

ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”1056″]

ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”1057″]

มาดูกันว่าคุณต้องการสมาร์ททีวีหรือไม่

มาดูกันว่าคุณต้องการสมาร์ททีวีหรือไม่

สมาร์ททีวีดูเหมือนจะมีให้เลือกแบบหลากหลายและมีอยู่ทั่วไป หากทีวีแบบนี้ยิ่งเข้าถึงการเชื่อมต่อออนไลน์ที่ง่าย เช่น บริการสตรีมมิ่งวิดีโอจาก YouTube และ Netflix ด้วยแล้ว สมาร์ททีวีแบบทั่ว ๆ ไปอาจมีการถูกจำกัดบริการต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดและแอปพิเคชั่นบางแอป แต่สมาร์ททีวีที่มีการพัฒนาแบบขั้นสุดแล้วนั้น จะสามารถตอบสนองคำสั่งเสียง แนะนำโปรแกรมที่ดี และสามารถดูข้อมูลจากสมาร์ทโฟนผ่านบนหน้าจอทีวีได้ทันที

ตามที่บริษัทวิจัยตลาด IHD Markit นั้นระบุว่าประมาณ 70% ของทีวีที่จำหน่ายในท้องตลาดส่วนมากเป็นสมาร์ททีวี แต่ถ้าคุณกำลังเลือกว่าทีวีแบบธรรมดาดี หรือว่าจะเลือกแบบสมาร์ททีวีดีที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ มีการใช้เครื่องเล่นสื่อต่าง ๆ โดยการสตรีมมิ่งแบบแยกต่างหากได้ เช่น  Nvidia Shield, Apple TV หรือ Google Chromecast นั้่น ราคาเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท สำหรับรุ่น 1080p ขนาดเล็ก และแบบ 4K เริ่มต้นเพียง 2,000 บาทเท่านั้น

ผู้ผลิตบางรายได้ทำการพัฒนาแพลตฟอร์มสมาร์ททีวีขึ้นเอง แต่ก็มีที่บางบริษัทที่อาจใช้ระบบที่ได้รับอนุญาต เช่น Android TV จาก Google TV ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ง่าย โดยใช้รีโมทคอนโทรลอย่างเดียวเท่านั้น แต่เครื่องเล่นสื่อสตรีมมิ่งแยกต่างหาก อาจมีการใช้ตัวเลือกอื่นเพิ่มเติม หรือใช้อินเทอร์เฟซที่ทำให้การค้นหาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

lazada-logo

Samsung UHD Smart TV 55″

รุ่น UA55MU6103

Samsung UHD Smart TV 55" รุ่น UA55MU6103

[wp_live_scraper id=”1058″]

ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”1059″]

ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”1060″]

เครื่องเล่นสื่อสตรีมมิ่ง

เครื่องเล่นสื่อสตรีมมิ่ง

เครื่องเล่นสื่อสตรีมมิ่งนั้นเป็นอุปกรณ์เสริมที่ได้รับความนิยมมาก สำหรับทีวีที่มีการดูภาพยนต์สตรีมมิ่ง รายการโทรทัศน์ เพลง และเกม ไปยังทีวีที่ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ เมื่อคุณเป็นเจ้าของสมาร์ททีวีแล้วคุณอาจจะต้องเลือกเครื่องเล่นสื่อสตรีมมิ่งที่ทีวีของคุณรองรับได้และพร้อมกับการพัฒนาต่อไปในอนาคตได้

เครื่องเล่นสื่อสตรีมมิ่งนั้นมีให้เราเลือกแบบหลากหลายรูปแบบมาก เช่น กล่องรับสัญญาณและเครื่องเล่นที่มาในรูปแบบขนาดของแฟลชไดร์ฟ USB อย่างที่เป็นกล่องรับสัญญาณล่าสุด ได้แก่ Nvidia Shield รุ่นที่ปรับปรุงใหม่ราคา 10,000 บาท  Apple TV รุ่นใหม่ราคา 7,000 บาทและ Google Chromecast Ultra ราคา 3,000 บาท ซึ่งที่ได้บอกมาในข้างต้นนั้นจะรองรับวิดีโอ 4K ทั้งหมด

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องเล่นสื่อที่คุณเลือกมานั้นรองรับบริการที่คุณต้องการสตรีมมิ่งหรือไม่ หรือไม่ก็ในส่วนของการรองรับการอัปเดตภายหลังอย่างเป็นอย่างไร เพราะเราไม่สามารถคาดเดาถึงมันได้เลยว่าจะพัฒนาไปในทิศทางไหน

อย่างที่ทราบว่าการสตรีมมิ่งวิดีโอนั้นเราจะต้องใช้การเชื่อมต่อบรอดแบนด์และ WiFi ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เพื่อป้องกันการค้างของการสตรีมมิ่งต่าง ๆ หรือการบัฟเฟอร์ หากคุณต้องการไม่ให้ความสนุกของคุณต้องติดขัด คุณก็จะต้องมีการอัปเกรดการเชื่อมต่อนั้นให้เป็นแบบทีเร็วขึ้นสักนิด

สมาร์ททีวี

สมาร์ททีวี

สมาร์ททีวีหรือที่เรียกว่าทีวีอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นการเชื่อมต่อ ที่สามารถพาคุณเข้าถึงโลกออนไลน์ได้โดยตรง สะดวกและรวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันสมาร์ททีวีส่วนใหญ่ก็จะมีบริการสตรีมมิ่งวิดีโอต่าง ๆ เช่น YouTube, Netflix หรือ iflix รวมถึงบริการทางเพลง เช่น Pandora หรือ Spotify นอกจากนี้ก็ยังทำให้คุณใช้โซเชียลมีเดียได้อีกด้วย เช่น Facebook, Instagram และเกมต่าง ๆ

สมาร์ททีวีในปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้มีการสั่งการด้วยเสียงได้แล้ว โดยเทคโนโลยีอัจฉริยะประดิษฐ์ (AI) ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวแบรนด์เองหรือการทำงานร่วมกับผู้ช่วยดิจิตอล เช่น  Alexa หรือ Google Assistant ของ Amazon ทีวีบางเครื่องนั้นจะเชื่อมต่อและทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อให้คุณสามารถเล่นเพลงในลำโพงอัจฉริยะ เพิ่มหรือลดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศหรือเปลี่ยนแสงของห้องคุณให้สวยงามด้วยแสงจากทีวีนั้นก็ได้

สมาร์ททีวีมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีเว็บเบราเซอร์เต็มรูปแบบ ที่ให้คุณไปเกือบทุกที่บนอินเทอร์เน็ต แม้ว่าเราจะพบว่าเราอาจใช้งานสมาร์ททีวีนั้นน้อยกว่า การใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปที่เราสามารถพกพาติดตัวไปไหนมาไหนได้นั้น สมาร์ททีวีก็มาพร้อมกับการใช้งานที่ง่ายดายผ่านรีโมทคอนโทรลแบบ point-and-click  ที่สามารถมีการโต้ตอบบนหน้าจอโดยใช้การเคลื่อนที่ด้วยมือหรือตอบสนองต่อคำสั่งเสียงของคุณก็ถือว่ามีอะไรล้ำ ให้น่าสนใจอยู่บ้างนะ

เช่นเดียวกับการสตรีมมิ่งเครื่องเล่นสื่อกับสมาร์ททีวี ที่ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายในบ้านของคุณ หากเป็นไปได้แนะนำให้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแบบมีสายจะดีกว่า เพราะจะได้สัญญาณที่ดีกว่า แต่แบบ WiFi ในปัจจุบันก็ถือว่าสะดวกสบายอีกเช่นกัน

สร้างการเชื่อมต่อที่เหมาะสม

ก่อนที่คุณจะทำการตัดสินใจซื้อทีวีนั้น คุณอย่าลืมพิจารณาในเรื่องของการเชื่อมต่อของทีวีก่อนตัดสินใจซื้อนะ คุณควรแน่ใจว่ามีช่องอินพุตและเอาต์พุตประเภทไหน เหมาะกับการเชื่อมต่อทั้งหมดที่คุณต้องการหรือไม่

เกือบทุกทีวีจะมีการเชื่อมต่อด้านข้างเช่นเดียวกับอินพุตด้านหลัง ซึ่งทำให้มีทางเลือกในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ากับทีวีของคุณได้สะดวกขึ้น อินพุตที่ด้านข้างหรือด้านล่างของทีวีจะเหมาะกับการทำงานได้ดีที่สุด ถ้าคุณจะติดตั้งทีวีแบบแบนกับผนัง ยิ่งหากคุณติดทีวีไว้กับผนังนั้นควรจะมีตัวขยายสัญญาณ HDMI สั้น ๆ เพื่อให้การเชื่อมต่อใช้งานได้ง่ายขึ้น

lazada-logo

Google Chromecast Ultra

Google Chromecast Ultra

[wp_live_scraper id=”236″]

ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”237″]

ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”238″]

“ฉันควรจะซื้อทีวีหรือรอไปก่อนดีนะ?”

นี่คงเป็นคำถามที่เราได้ยินอยู่บ่อยครั้ง ว่าควรซื้อใหม่ตอนนี้เลยดีไหม หรือรอปีหน้ารุ่นใหม่ดี เช่นเดียวกับสินค้าเทคโนโลยีส่วนใหญ่ (iPhones) ที่มีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทีวีที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็เช่นกันที่กำลังได้รับความิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่มีการพัฒนาในปีนี้เป็นรุ่นใหม่ ปีหน้าก็มีรุ่นใหม่ออกมาอีก ใช่ถ้าหากคุณรอปีหน้าคุณอาจได้ทีวีรุ่นใหม่ในปีนี้ แต่ในราคาที่ถูกกว่ามีขนาดใหญ่กว่า และเสียเงินน้อยลงก็เป็นได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ว่าอยากได้ทีวีที่ทันสมัยแบบทันท่วงทีเลยหรือไม่ เพราะไม่ใช่ในเรื่องของดีไซส์ ความสามารถของทีวีก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สนุก ใคร ๆ ก็อยากอัพเดทสักหน่อยเนอะ คุณว่าไหมละ

เอาละ คุณคงไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากการหาข้อมูลยี่ห้อ รุ่นไหนตอนนี้ใช่ไหมละ ให้เราช่วยแนะนำคุณดีกว่า และนี่ก็คือทีวีที่ดีที่สุดในปีนี้ ที่เราได้ทำการหาข้อมูลมา หวังว่าเราจะช่วยคุณได้บ้างนะ

lazada-logo

Product Name

lazada-logo

Sharp LED TV 32″

รุ่น LC-32LE280X

Sharp LED TV 32″ รุ่น LC-32LE280X

[wp_live_scraper id=”1064″]

ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”1065″]

ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”1066″]

lazada-logo

Sharp FHD LED TV 40″

รุ่น LC-40SA5200X

Sharp FHD LED TV 40" รุ่น LC-40SA5200X

[wp_live_scraper id=”1061″]

ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”1062″]

ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”1063″]

lazada-logo

Samsung UHD Smart TV 49″

รุ่น 49MU6100

Samsung UHD Smart TV 49" รุ่น 49MU6100

[wp_live_scraper id=”1055″]

ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”1056″]

ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”1057″]