นอกจาก ‘ทีวี’ หรือ ‘โทรทัศน์’ ที่ใช้กันตามบ้านเรือนทั่วไปที่เรารู้จักกันดีแล้วนั้น เราเชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำว่า ‘สมาร์ททีวี’ เพิ่มเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีให้หลังกันมาบ้างแล้ว ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่ามันแตกต่างจากทีวีธรรมดายังไง? หรือ Smart TV คืออะไร? ด้วยเหตุนี้เราขอพาไปรู้จักกับ ‘สมาร์ททีวี’ กันก่อนว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่?
สำหรับโทรทัศน์แบบเดิมที่เราคุ้นเคยกันมานานหลายปี มันจะคอยทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณและแพร่ภาพออกมาทางจอโทรทัศน์ ตามเวลาออกอากาศที่สถานีโทรทัศน์ได้กำหนดไว้ ซึ่งจะว่าไปมันก็ดูเหมือนจะเป็นเทคโนโลยีในครัวเรือนที่หลายบ้านใช้กันมาอย่างยาวนาน ทว่าเมื่อรายการโปรดของคุณกลับออกอากาศตรงกัน โทรทัศน์แบบเดิมจะไม่รองรับฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่ทำให้คุณสามารถกลับมารับชมใหม่ได้อีกครั้ง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสามารถรับชมได้เพียงแค่ช่องเดียวต่อครั้ง ถ้าพลาดรายการไหนไปแล้วก็ถือว่าพลาดไปเลย
แต่ด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ไม่หยุดหย่อน ทำให้ในที่สุดก็ได้มีการคิดค้น ‘Smart TV’ โทรทัศน์แห่งโลกยุคดิจิตัล ที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดสรรการรับชมรายการที่ชื่นชอบต่าง ๆ จากช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้ตามอำเภอใจ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ข่าวการเมือง หรือเศรษฐกิจยามเช้าตรู่ ไปจนถึงรายการเกมส์โชว์ทั่วไปที่มักออกอากาศช่วงกลางคืน ซึ่งเทคโนโลยีของสมาร์ททีวีช่วยให้คุณจัดสรรเวลาในการรับชมรายการต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ หรือเลือกสรรเวลาในการรับชมรายการนั้น ๆ ได้เอง เพียงแค่ใช้ฟังก์ชั่นการบันทึกรายการของสมาร์ททีวี
ฟังก์ชั่นที่โดดเด่นของ Smart TV คืออะไร? และทำไมถึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบัน สมาร์ททีวี ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีที่ต้องมีในหลาย ๆ ครัวเรือน และมีผู้ซื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจสังเกตได้จากบริษัทผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ ที่มักจะผลิตสมาร์ททีวีออกมาากมายหลายรุ่น หลายฟังก์ชั่น เราไปดูกันว่าทำไม Smart TV คืออีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน
ปัจจุบันมีผู้ใช้สมาร์ททีวีเพิ่มมากขึ้น
หลายคนอาจจะมองว่า ‘โทรทัศน์’ เป็นเทคโนโลยีที่ล้าหลังและตกรุ่นไปแล้ว แต่สำหรับ ‘Smart TV’ กลับตรงกันข้าม
ปัจจุบันมีผู้คนเริ่มหันมาใช้สมาร์ททีวีกันมากขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักอาจเป็นเพราะตัวฟังก์ชั่นของสมาร์ททีวีที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ได้ดีกว่า
หน้าที่ของ Smart TV คือจะไม่ทำหน้าที่เพียงแค่เป็นตัวแพร่ภาพจากสัญญาณเท่านั้น แต่มันยังมีฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่ถูกบรรจุเข้าไปให้กลายเป็นกึ่งคอมพิวเตอร์ กึ่งโทรทัศน์ ไปแล้วก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อสมาร์ททีวีเข้ากับอินเตอร์เน็ต ให้คุณสามารถใช้งานอื่น ๆ ผ่านตัวสมาร์ททีวีได้โดยตรง เช่น การเช็คอีเมลล์ การท่องเว็บไซต์ หรือแม้แต่สตรีมมิ่งภาพยนตร์
ผู้ใช้สามารถควบคุมผ่านแอพฯ ได้
เรียกได้ว่าแทบจะทุกสิ่งอย่างในโลกปัจจุบันได้ถูกเปลี่ยนให้มาอยู่ในรูปแบบของแอพพลิเคชั่นบนมือถือไปแล้ว และสำหรับรีโมทที่ใช้ควบคุมสมาร์ททีวีก็เช่นกัน
สมาร์ททีวีส่วนใหญ่มักจะถูกออกแบบให้รองรับการควมคุมผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือได้แบบง่าย ๆ เพียงแค่คุณโหลดแอพฯ ที่ใช้สำหรับสมาร์ททีวีรุ่นนั้น ๆ จากนั้นก็สามารถล็อกอินเพื่อสั่งการสมาร์ททีวีผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย
และยิ่งไปกว่านั้น สมาร์ททีวีหลายรุ่นได้ถูกผลิตมาพร้อมกับกล้องและไมโครโฟนที่ติดมากับตัวเครื่อง ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการติดต่อประสานงาน เช่น Skype ที่ได้ช่วยให้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก
สมาร์ททีวีเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์คต่าง ๆ ได้หลากหลายกว่า
ไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตเท่านั้นที่สมาร์ททีวีรองรับ แต่มันยังสามารถใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เน็ตเวิร์ตอื่น ๆ ในบ้านของคุณได้ด้วย เช่น การเชื่อมต่อเข้ากับกล้องหรือสมาร์ทโฟน เพื่อรับชมภาพที่คุณเคยถ่ายไว้บนจอสมาร์ททีวีขนาดใหญ่ หรือจะใช้เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์จัดเก็บไฟล์สื่อต่าง ๆ ของคุณ และใช้หน้าจอสมาร์ททีวีให้เหมือนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ก็ได้เช่นกัน
อีกทั้งสมาร์ททีวีส่วนใหญ่ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่รองรับให้คุณรับชมภาพสื่อหลาย ๆ ภาพได้ในครั้งเดียวกัน หรือท่องเว็บไซต์พร้อมรับช่องโปรแกรมโปรดของคุณไปได้พร้อม ๆ กัน
มีตัวเลือกไหนบ้างที่น่าสนใจสำหรับสมาร์ททีวี?
แม้ยอดเรตติ้งรายการโทรทัศน์จะพากันลดฮวบลงจากยุคสมัยก่อน แต่ยอดขายและคะแนนความนิยมของสมาร์ททีวีกลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ปัจจุบันมีค่ายยักษ์ใหญ่จำนวนมากที่ผลิตสมาร์ททีวีพร้อมฟังก์ชั่นเจ๋ง ๆ มาให้เราเลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นของ Apple TV หรือ Chromecast จากบริษัทกูเกิ้ล ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ซื้อจะถนัดใช้งานแบบไหนมากกว่ากัน
แต่สำหรับสองแบรนด์ใหญ่ข้างต้นนั้นอาจจะมีระบบการใช้งานที่ค่อนข้างซับซ้อน หากผู้ใช้งานไม่ได้คุ้นเคยกับอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มากพอ
ซึ่งนอกเหนือจากสองค่ายยักษ์ใหญ่แล้ว ก็ยังมีสมาร์ททีวีจากค่ายอื่น ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นแบบครบครันไม่แพ้กันอย่าง Sony, Samsung, LG หรือ Sharp ที่จะช่วยให้คุณรับชมรายการโทรทัศน์ได้อย่างอิสระเช่นกัน
แล้วเราควรเลือกสมาร์ททีวียี่ห้อไหนดี?
สำหรับใครที่สนใจจะซื้อสมาร์ททีวีซักเครื่องหนึ่ง แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกสมาร์ททีวียี่ห้อไหนดี? เบื้องต้นเราขอแนะนำว่า ควรเลือกสมาร์ททีวีที่มีระบบปฏิบัติการที่ง่ายต่อการใช้งานของเรามากที่สุด
ด้วยเหตุนี้เราขอแนะนำ 8 รุ่นของสมาร์ททีวีที่เราคัดสรรมาแล้วว่า มีระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่าย และราคาของ Smart TV ก็คุ้มค่ากับฟังก์ชั่นการใช้งานก็สุดเจ๋ง เราลองไปดูกันเลยว่าเราควรจะเลือกสมาร์ททีวียี่ห้อไหนดี?
- TCL 50″ UHD Android Smart TV รุ่น LED50F3800
- Samsung 49″ UHD 4K Curved Smart TV รุ่น MU6300 Series 6
- LG 49″ UHD Smart TV รุ่น 49UJ630T
- Sharp 40″ FHD Smart TV รุ่น LC-40LE380X
- Hisense 43″ 4k UHD Smart TV รุ่น 43N3000UW
- Sony 40″ LED Smart TV รุ่น KDL-40W650D
- Toshiba 32″ Smart TV รุ่น 32L5650VT
- Aconatic 32″ Smart TV รุ่น AN-32DH800SM
1. TCL 50″ UHD Android Smart TV รุ่น LED50F3800
รับชมรายการทีวีโปรดพร้อมความคมชัดระดับ 4K ด้วย TCL Smart TV 50 นิ้ว
รายละเอียด | TCL 50″ รุ่น LED50F3800 |
---|---|
ขนาด | 128.5 x 15.4 x 77.5 เซ็นติเมตร |
การรับประกัน | 5 ปี |
Smart TV ราคาย่อมเยาว์ที่คุ้มค่ากับฟังก์ชั่นการทำงานของตัวมันเองมากที่สุดอีกหนึ่งรุ่นจากยี่ห้อ TCL
TCL Smart TV รุ่นนี้มาพร้อมกับความกว้างของหน้าจอขนาด 50 นิ้ว และสามารถแสดงผลภาพด้วยความคมชัดระดับสูงสุดอย่าง Ultra HD ได้มากถึง 3840 x 2160 พิกเซล ซึ่งเป็นระดับความคมชัดที่ช่วยให้ภาพออกมาดูสมจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติมากที่สุด
นอกเหนือจากระดับความคมชัดที่เป็นจุดเด่นชูโรงของสมาร์ททีวียี่ห้อ TCL แล้ว ยังมีการใช้นวัตกรรมการออกแบบดีไซน์ภายนอกให้ออกมาดูโดดเด่นสวยงาม เรียบหรู และประหยัดพื้นที่ในการจัดวางด้วยความบางของหน้าจอควบคู่กับขาตั้งขนาดกระทัดรัด
ตัวสมาร์ททีวีจาก TCL รุ่นนี้ ยังมาพร้อมกับระบบเสียงเพื่อการรับชมให้ได้อรรถรสสูงสุด จากทุกการเคลื่อนไหวของภาพที่มีเสียงประกอบ ซึ่งจะช่วยให้คุณสัมผัสทั้งภาพและเสียงที่ชัดเจนอย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังรองรับการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ภายนอกผ่านช่องเสียบสาย HDMI และ USB ได้อีกด้วย
ข้อดี | ข้อเสีย |
➕ ระบบปฏิบัติการใช้งานเข้าใจง่าย | ➖ การใช้งานบางแอพฯ อาจยังไม่เสถียร |
➕ สามารถแขวนผนังได้ | ➖ HDR ใช้ได้กับสาย USB เท่านั้น |
➕ รองรับการเชื่อมต่อกับ WiFi |
2. Samsung 49″ UHD 4K Curved Smart TV รุ่น MU6300
สู่ประสบการณ์การรับชมที่เหนือระดับแบบหน้าจอทรงโค้ง ด้วย Samsung Smart TV
รายละเอียด | Samsung 49″ รุ่น MU6300 Series 6 |
---|---|
ขนาด | 110.41 x 70.1 x 31.05 เซ็นติเมตร |
การรับประกัน | 1 ปี |
ขั้นกว่าของนวัตกรรมเทคโนโลยีในการรับชมโทรทัศน์จาก Samsung Smart TV ราคาคุ้มค่าขนาด 49 นิ้ว ที่เพิ่มความพิเศษเข้าไปด้วยการออกแบบหน้าจอทรงโค้ง (Curved) เพื่อประสบการณ์การรับชมจากทุกมุมห้องที่เต็มอิ่มกว่า
สมาร์ททีวีจาก Samsung ยังถูกออกแบบให้หน้าจอแสดงผลภาพความละเอียดสูงสุดถึง 4K UHD พร้อมคุณสมบัติ PurColor ที่ช่วยปรับแต่งสีให้มีความแม่นยำและเป็นธรรมชาติมากที่สุด รวมไปถึงฟังก์ชั่น Auto-Depth Enhancer ซึ่งเป็นระบบปรับความลึกหรือมิติของภาพให้มีความคมชัด เพื่ออรรถรสในการรับชมอย่างไร้ขีดจำกัด
นอกเหนือจากรูปทรงดีไซน์ของสมาร์ททีวีที่ดูล้ำสมัย และความคมชัดของภาพแล้ว Samsung Smart TV รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการที่ใช้งานได้ง่าย ๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น ‘Smart View’ ที่รองรับกับมือถือสมาร์ทโฟนทุกระบบ ให้คุณสามารถเลือกออพชั่นต่าง ๆ ของสมาร์ททีวีได้ผ่านสมาร์ทโฟนของคุณเอง
อีกทั้งยังควบคู่มากับระบบอัจฉริยะ Smart Hub ที่จะช่วยรวบรวมทุกรายการที่ตรงกับความสนใจของคุณให้มาแสดงผลในหน้าเดียว เพื่อง่ายต่อการเลือกชมได้อย่างอิสระ และสั่งการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยรีโมทอัจฉริยะที่รองรับการสั่งการผ่านระบบเสียงโดยตรง แถมยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ได้ด้วยระบบเชื่อมต่ออัตโนมัติอีกด้วย
ข้อดี | ข้อเสีย |
➕ ใช้งานง่ายผ่านแอพฯ Smart View | ➖ ไม่สามารถแขวนผนังได้ |
➕ มีระบบ Smart Hub สะดวกต่อการค้นหารายการที่ชื่นชอบ | ➖ ราคายังไม่รวมค่าบริการรายเดือนจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง |
➕รองรับการรับชมวิดีโอแบบ 360 องศา |
3. LG 49″ UHD Smart TV รุ่น 49UJ630T
เต็มอิ่มจุใจกับระบบเสียง Ultra Surround ด้วยราคา Smart TV ที่คุ้มค่ากว่า
รายละเอียด | LG 49″ รุ่น 49UJ630T |
---|---|
ขนาด | 110.41 x 70.1 x 31.05 เซ็นติเมตร |
การรับประกัน | 1 ปี |
เปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการรับชมรายการโทรทัศน์ด้วย LG Smart TV ราคาคุ้มค่ากับฟังก์ชั่นที่แถมมาให้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ IPS พร้อมแสดงผลภาพแบบ 4K ด้วยความละเอียดกว่า 8 ล้านพิกเซล เพื่อความชัดสมจริงจากทุกมิติมุมมองของผู้รับชม
อีกทั้งยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการแสดงผลภาพด้วย 4K Upscaler ที่ช่วยให้ความคมชัดของภาพละเอียดมากกว่าเดิมถึง 6 เท่า!! และประกอบกับระบบ True Color Accurancy ซึ่งจะช่วยทำให้ภาพดูสมจริงเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากเรื่องความคมชัดของภาพที่ LG Smart TV ทำออกมาได้ดีไม่แพ้เจ้าอื่นแล้ว ยังมีเรื่องของระบบเสียงแบบ Ultra Surround ให้คุณสามารถฟังเสียงจากทุกทิศทางรอบตัวได้อย่างสมจริง รับรองความสนุกระหว่างการรับชมจากทั้งภาพและเสียงที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัวมากที่สุด
LG Smart TV รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่มีระบบปฏิบัติการที่เข้าใจง่ายและไม่ซับซ้อน ด้วยระบบปฏิบัติการ webOS 3.5 สามารถใช้งานคู่กับ LG Magic Remote และ Launcher Bar เพื่อเข้าถึงการสลับฟีเจอร์ต่าง ๆ และแอพพลิเคชั่นจากทั่วโลกบนสมาร์ททีวีได้ตามที่คุณต้องการ
และยังการันตีด้านความปลอดภัยด้วยระบบรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ที่ผ่านการรับรองจาก CAP2900-1 ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ของคุณจะไม่รั่วไหลตลอดอายุการใช้งาน
ข้อดี | ข้อเสีย |
➕ เทคโนโลยีประมวลภาพให้คมชัดแบบซีนต่อซีน | ➖ ต้องซื้อ LG Magic Remote แยก |
➕ มาพร้อมระบบเสียง Ultra Surround | ➖ ขาตั้งอาจไม่แข็งแรงเท่าที่ควร |
➕ มีระบบป้องกันความปลอดภัยด้านข้อมูล |
4. Sharp 40″ FHD Smart TV รุ่น LC-40LE380X
สมาร์ททีวีจากผู้นำทางด้าน LCD พร้อมฟังก์ชั่นแบบจัดเต็ม..!!
รายละเอียด | Sharp 40″ รุ่น LC-40LE380X |
---|---|
ขนาด | 110.41 x 70.1 x 31.05 เซ็นติเมตร |
การรับประกัน | 1 ปี |
หากคุณกำลังมองหา Smart TV ราคาไม่แพง แถมอัดแน่นมาด้วยฟังก์ชั่นแบบจัดเต็ม พร้อมคุณภาพเรื่องสีและเสียงที่คุ้มค่ากับเม็ดเงินมากที่สุด เราขอแนะนำสมาร์ททีวีจาก Sharp FHD Smart TV รุ่นหน้าจอ 40 นิ้ว
จุดเด่นอย่างหนึ่งของสมาร์ททีวีจากยี่ห้อนี้ก็คือ… Sharp เป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ผู้นำด้านเทคโนโลยีการฉายภาพด้วยจอ LCD ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ Sharp ทำออกมาได้ดีกว่าแบรนด์อื่นๆ
Sharp FHD Smart TV ใช้ระบบ Aquos LED ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความคมชัดของภาพอย่างยอดเยี่ยม และยังช่วยเพิ่มระดับความสว่างรวมทั้งค่าของสีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีความคมชัดสมจริง ผ่านหน้าจอแบบ 4K Ultra HD ที่ละเอียดถึง 3,840 x 2,160 พิกเซลเลยทีเดียว
ในส่วนของเสียงสมาร์ททีวีรุ่นนี้ก็ทำออกมาได้ดีคุ้มค่ากับราคา ด้วยฟังก์ชั่น Dolby Digital Plus ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพเสียงตามหลักระบบ Dolby ให้รองรับอัตราบิทที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความคมชัดและมิติของเสียงมีคุณภาพมากขึ้นด้วย
พร้อมระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่าย รองรับการใช้งานกับ Netflix, Youtube หรือ Web Browser ต่าง ๆ เพียงเชื่อมต่อ wifi เข้ากับสมาร์ททีวีที่ติดตั้งตัวรับสัญญาณไวไฟมาให้ในตัว
และที่สำคัญสมาร์ททีวีรุ่นนี้ยังช่วยประหยัดค่าไฟในแต่ละเดือนของคุณได้ด้วยระบบประหยัดพลังงาน Super Eco Mode ช่วยลดการใช้พลังงานลงได้เกือบเท่าตัว ซึ่งหากคุณกำลังมองหา Smart TV ราคาดีพร้อมคุณภาพแบบคับแน่น Sharp FHD Smart TV ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตามอง
ข้อดี | ข้อเสีย |
➕ รองรับการใช้งานกับ Netflix, Youtube หรือสตรีมมิ่งอื่น ๆ | ➖ แขวนผนังไม่ได้ |
➕ เชื่อมต่อได้กับสาย USB, HDMI และสาย LAN | ➖ ไม่รองรับการสั่งการผ่านสมาร์ทโฟน |
➕ ระบบ Super Eco Mode ช่วยประหยัดพลังงาน |
5. Hisense 43″ 4k UHD Smart TV รุ่น 43N3000UW
คุ้มค่าราคา Smart TV ด้วยความคมชัด และฟังก์ชั่นพื้นฐานแบบครบครัน
รายละเอียด | Hisense 43″ รุ่น 43N3000UW |
---|---|
ขนาด | 96.9 x 56.3 x 8.7 เซ็นติเมตร |
การรับประกัน | 3 ปี |
ถ้าคุณยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกสมาร์ททีวียี่ห้อไหนดี? ที่ราคาไม่สูงเว่อร์จนเกินไป แต่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ครบครัน เราขอแนะนำให้รู้จักกับสมาร์ททีวีจาก Hisense ทีมีฟังก์ชั่นแบบอัดแน่นจัดเต็มไม่แพ้แบรนด์ดังระดับโลกเลยทีเดียว
สมาร์ททีวีจาก Hisense ขนาด 43 นิ้ว จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีการฉายภาพ LED ด้วยความละเอียดสูงถึง 3840 x 2,160 พิกเซล พร้อมความคมชัดในรายละเอียดต่างๆ แบบซีนต่อซีนระดับ 4K Ultra High Defitnition เพื่อให้คุณรับชมภาพอันคมชัดจากสมาร์ททีวีได้อย่างเต็มอิ่มกว่าที่เคย
ตัวสมาร์ททีวีของ Hisense รองรับการใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Smart TV ซึ่งเป็นระบบที่สามารถใช้งานได้ง่าย ๆ จากการออกแบบด้าน User Interface ให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย และยังสามารถเลือกใช้แอพพลิเคชั่นที่คุณชื่นชอบผ่านสมาร์ททีวีควบคู่กับการรับชมภาพยนตร์ได้พร้อม ๆ กัน
ความพิเศษอันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งต้องยกให้กับตัวรีโมทที่แถมมากับเครื่อง ด้วยปุ่ม One-Touch-Access แค่กดเพียงครั้งเดียวก็ช่วยให้สมาร์ททีวีของคุณ เข้าสู่โลกแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อรับชมสิ่งที่คุณสนใจได้ ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Youtube หรือแม้แต่ Amazon
ซึ่งหากเทียบราคาและฟังก์ชั่นกับรุ่นอื่น ๆ แล้ว จะเห็นได้ว่า Hisense 4K UHD Smart TV เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อความสุขอยู่ไม่น้อย
ข้อดี | ข้อเสีย |
➕ รีโมทมีปุ่ม One-Touch-Access | ➖ ต้องใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับ iOS |
➕ รองรับการเชื่อมต่อกับสาย HDMI และ USB | ➖ ไม่สามารถเชื่อมต่อกับบลูทูธได้ |
➕ มีฟังก์ชั่นล็อคช่องสำหรับเด็กที่อายุไม่ถึง |
6. Sony 40″ LED Smart TV รุ่น KDL-40W650D
ผู้นำด้านนวัตกรรมแห่งคุณภาพ พร้อมดีไซน์ที่บางเฉียบ ไม่เปลืองเนื้อที่ในการติดตั้ง
รายละเอียด | Sony 40″ รุ่น KDL-40W650D |
---|---|
ขนาด | 92.4 x 54.9 x 6.6 เซ็นติเมตร |
การรับประกัน | 1 ปี |
หนึ่งในสมาร์ททีวีจาก Sony ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเพราะเรื่องคุณภาพและความเชื่อมั่นที่หลายคนมีแต่แบรนด์ Sony หรือเทคโนโลยีฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่ถูกใส่เข้ามาให้คุ้มค่ากับราคาของ Smart TV
Sony LED Smart TV มาพร้อมกับระบบประมวลผลภาพ X-Reality Pro ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยปรับความคมชัด และรายละเอียดของภาพให้ออกมาสวยงามมากที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นชูโรงด้านหน้าจอ LED ของค่าย Sony เลยก็ว่าได้
นอกจากความโดดเด่นในเรื่องของการประมวลผลภาพแล้ว Sony LED Smart TV ยังถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีการออกแบบให้มีขนาดที่เพรียวบางอย่างลงตัว ด้วยความหนาของขนาดตัวเครื่องเพียงแค่ 0.89 เซ็นติเมตรเท่านั้น..!! แถมด้วยขาตั้งรูปทรงดีไซน์สุดล้ำให้การตั้งสมาร์ททีวีของคุณดูมีสไตล์อันโดดเด่นมากขึ้น
อีกทั้งยังรองรับระบบ Photo Sharing Plus ที่จะช่วยให้คุณและเพื่อน ๆ สามารถแบ่งปันภาพหรือวิดีโออันน่าจดจำต่าง ๆ ผ่านสมาร์ททีวีโดยเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ภายนอกพร้อมกันได้มากถึง 10 เครื่อง
และยังสามารถเชื่อมต่อเพื่อสั่งการสมาร์ททีวีได้ง่าย ๆ ผ่านระบบ Screen Mirroring ให้คุณเลือกชมรายการโปรด หรือท่องเว็บฯ ได้อย่างอิสระเพียงปลายนิ้วสัมผัสบนสมาร์ทโฟน
ข้อดี | ข้อเสีย |
➕ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้ทีละ 10 เครื่อง | ➖ ไม่มีขาสำหรับแขวนติดผนังแถมมาให้ |
➕ ตัวสมาร์ททีวีมีขนาดบางเฉียบ ดูทันสมัย | |
➕ รองรับระบบปฏิบัติการผ่านสมาร์ทโฟนได้โดยตรง |
7. Toshiba 32″ Smart TV รุ่น 32L5650VT
Smart TV ราคาประหยัด แต่คุณภาพและฟังก์ชั่นนั้นไม่เป็นสองรองใคร
รายละเอียด | Toshiba 32″ รุ่น 32L5650VT |
---|---|
ขนาด | 73.5 x 48.2 x 19.3 เซ็นติเมตร |
การรับประกัน | 1 ปี |
สมาร์ททีวีจาก Toshiba แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคงทนและอายุการใช้งานของสินค้า สำหรับสมาร์ททีวีรุ่นนี้มันไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่เป็นหน้าจอเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
แต่ Toshiba Smart TV ได้เลือกใช้ระบบแสดงผลภาพ Backlight แบบ Direct LED ซึ่งจะช่วยให้ผู้ชมได้รับความละเอียดและสีของภาพแบบเที่ยงตรง บนความละเอียด 1,366 x 768 พิกเซล พร้อมระบบ Contrast Booster ที่ช่วยให้ค่าสีที่ขัดแย้งกันในภาพมีความกลมกลืนมากขึ้น
สมาร์ททีวีรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับรูปทรงดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย และไม่หวือหวาจนเกินไป ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการติดตั้งสมาร์ททีวีไว้ยังจุดที่ท่านต้องการ
เรื่องฟังก์ชั่นก็ต้องถือว่าสมาร์ททีวีรุ่นนี้จัดเต็มมาให้ผู้ใช้งานทุกท่านเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยี MHL ที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อคอนเทนต์ที่สนใจจากสมาร์ทโฟน ไปรับชมบนจอสมาร์ททีวีได้เต็มอิ่มกว่า อีกทั้งยังรองรับการท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ ด้วย Browser ที่สามารถติดตั้ง Favorite ได้ด้วย
อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญของสมาร์ททีวีรุ่นนี้ก็คือ มันสามารถบันทึกรายการโปรดของเราเพื่อกลับมาย้อนดูทีหลังได้ง่าย ๆ อีกด้วย พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เน็ต สาย HDMI และสาย USB
ข้อดี | ข้อเสีย |
➕ ราคาถูกเมื่อเทียบกับฟังก์ชั่นที่ได้ | ➖ ไม่รองรับ Netflix |
➕ มีระบบการใช้งานที่ง่ายไม่ซับซ้อนจนเกินไป | ➖ ไม่รองรับการเชื่อมต่อกับบลูทูธ |
➕ อัดรายการทีวีเพื่อรับชมย้อนหลังได้ |
8. Aconatic 32″ Smart TV รุ่น AN-32DH800SM
Smart TV ราคาประหยัด พร้อมการฟีเจอร์ที่ได้มาตรฐานไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ
รายละเอียด | Aconatic 32″ รุ่น AN-32DH800SM |
---|---|
ขนาด | 70 x 46.3 x 18 เซ็นติเมตร |
การรับประกัน | 3 ปี |
หากคุณกำลังมองหา Smart TV ราคาน่าคบหา ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นพื้นฐานทั่วไปที่สมาร์ททีวีควรจะมี หรือไม่ต้องการสมาร์ททีวีรุ่นที่มีลูกเล่นหวือหวาซับซ้อนจนเกินไป สมาร์ททีวีจาก Aconatic ขนาด 32 นิ้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ตัวหน้าจอแสดงผลภาพด้วยระบบ HD Ready ให้ความละเอียดภาพสูงถึง 1,366 x 768 พิกเซล ซึ่งจะช่วยให้ได้รับชมภาพที่คมชัดสมจริง แถมพ่วงด้วยเทคโนโลยีอัตราส่วนค่าสีขาว-ดำ 800:1 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนค่าสีที่เหมาะสมกับการฉายภาพให้คมชัดมากที่สุด และช่วยให้การรับชมเป็นมิตรต่อสายตามากขึ้นด้วยค่าแสงสว่างแบบ 200cd/m2 ซึ่งถือเป็นเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสายตาเมื่อรับชมเป็นเวลานาน ๆ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของสมาร์ททีวี Aconatic รุ่นนี้ก็คือ มันถูกติดตั้งมาด้วยระบบ Built in WIFI ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นสำหรับเชื่อมต่อเข้ากับสัญญาณอินเตอร์เน็ต และควบคุมสัญญาณการรับชมผ่านอินเตอร์เน็ตก็ได้เช่นกัน แถมยังรองรับแอพพลิเคชั่นผ่านระบบปฏิบัติการ Smart TV อีกด้วย
ตัวดีไซน์ก็ถือว่าเรียบง่ายไม่แพ้แบรนด์ Smart TV ราคาสูง ขนาดของหน้าจอไม่หนาหรือหนักจนเกินไป พร้อมกับขาตั้งที่คงทนแข็งแรงได้มาตรฐาน รับประกันว่าคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน
ข้อดี | ข้อเสีย |
➕ ฟังก์ชั่นพื้นฐานครบครัน | ➖ ไม่รองรับบลูทูธ |
➕ ราคาถูก | ➖ ไม่รองรับ Netflix |
➕ เชื่อมต่อกับ HDMI และ USB ได้ |
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 8 ตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคำถามที่ว่า ‘เราควรเลือกสมาร์ททีวียี่ห้อไหนดี?’ ซึ่งเราก็ได้รวบรวมมาให้อย่างหลากหลาย มีทั้งสมาร์ททีวีราคาถูกแต่คุ้มค่าการใช้งาน ไปจนถึงสมาร์ททีวีราคาหลักหมื่นเพื่อการรับชมที่เต็มอิ่มกว่า ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ซื้อเองแล้วว่า รุ่นไหน แบบไหน จะเหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุด
คุณชอบสินค้านี้หรือไม่?
คลิกที่ดาวเพื่อทำการให้คะแนน
คะแนนเฉลี่ย: / 5. จำนวนโหวต: