ประเทศผู้ชื่นชอบกาแฟ: ประชากรอเมริกันเกือบ 150 ล้านคนดื่มกาแฟ 3 แก้วต่อวัน ด้วยนวัตกรรมเครื่องชงกาแฟและความยอดเยี่ยมของเมล็ดกาแฟหรือการบดเมล็ดกาแฟ ทำให้เราสามารถดื่มด่ำไปกับกาแฟถ้วยโปรดได้ที่บ้าน เครื่องชงกาแฟแบบหยดเป็นเครื่องชงกาแฟทั่วไปที่สามารถพบเห็นได้บ่อยมากและประชากรอเมริกันก็มักซื้อเครื่องชงกาแฟแบบหยดนี้ไว้อย่างน้อยหนึ่งเครื่องต่อหนึ่งครัวเรือนหรือที่ทำงาน ดังนั้นวันนี้เราจะมาชี้แจงรายละเอียดขั้นตอนในการชงกาแฟโดยใช้เครื่องชงกาแฟแบบหยด
ขั้นตอนในการชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟแบบหยด
- เติมน้ำลงในถังเก็บน้ำ : ใช้น้ำกรองหรือน้ำขวดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี จำไว้ว่ากาแฟนั้นประกอบไปด้วยน้ำ 98% ดังนั้นคุณภาพน้ำจึงสำคัญต่อคุณภาพของกาแฟ ส่วนใหญ่แล้วในประเทศไทยจะใช้น้ำขวดแต่ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถใช้น้ำกรองจากก๊อกน้ำได้เช่นกัน ส่วนการวัดปริมาณน้ำนั้นให้ผู้ใช้ดูเส้นที่ขีดไว้ที่ถ้วย/โถกาแฟหรือถังเก็บน้ำ
- ใส่ตะกร้ากรองในตัวกรองกาแฟ : ใส่กระดาษกรองหรือตัวกรองถาวรในตะกร้าชงกาแฟ การใช้ตัวกรองถาวรแบบพิเศษนั้นจะช่วยคุณประหยัดเงินมากกว่าใช้กระดาษกรองแบบใช้แล้วทิ้ง
- ใช้กาแฟบดกี่ช้อนต่อกาแฟหนึ่งถ้วย : คำแนะนำโดยทั่วไปสำหรับการตวงกาแฟบดนั้นให้ใช้กาแฟบด 1-2 ช้อนชาต่อน้ำ 6 ออนซ์ แต่สำหรับเครื่องชงกาแฟบางรุ่นจะมีมาตราวัดการตวงกาแฟบดไว้ให้ ดังนั้นผู้ใช้ควรอ่านคู่มือดูก่อนและโดยการทดลอง เมื่อคุณพบปริมาณกาแฟที่คุณต้องการแล้ว คุณจะสามารถชงกาแฟรสชาติยอดเยี่ยมได้โดยอาจจะเริ่มจากเข้มข้นก่อนแล้วเติมน้ำลงไปเพื่อ ‘ตัด’ รสชาติ นอกจากนี้เมล็ดกาแฟสดจะเก่าเร็วกว่าเมล็ดกาแฟแบบทั้งเม็ด ดังนั้นถ้าหากคุณเลือกซื้อเมล็ดกาแฟสดตามห้าง คุณควรเลือกซื้อถุงที่มีวันหมดอายุนานที่สุดหรือซื้อแบบถุงเล็กแทน ถ้าหากบดเมล็ดกาแฟเองล่ะก็ ให้ตั้งค่าเครื่องบดตามการตั้งค่าการบดเมล็ดกาแฟสำหรับชงที่แนะนำ
หลังจากติดตั้งตระกร้ากรอง โถกาแฟหรือเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ตอนนี้คุณสามารถกดที่ปุ่มชงกาแฟเพื่อเริ่มชงกาแฟสุดหอมกรุ่นได้เลย
เคล็ดลับ : เมื่อชงกาแฟเสร็จแล้ว ให้นำกระดาษกรองและเศษกากกาแฟไปทิ้ง ถ้าหากใช้ตัวกรองถาวรให้นำเศษกากกาแฟไปทิ้ง ล้างตัวกรองให้สะอาดและตากไว้ให้แห้ง นี่จะช่วยป้องกันไม่ให้เครื่องชงกาแฟหยดกาแฟเพิ่มซึ่งอาจเป็นผลทำให้กาแฟมีรสชาติขมจนเกินไป
สุดยอดเคล็ดลับในการชงกาแฟแก้วโปรด
ใช้เครื่องชงกาแฟคุณภาพดี
เครื่องชงกาแฟที่คุณใช้นั้นส่งผลอย่างมากต่อเครื่องดื่มกาแฟที่คุณชง ดังนั้นเพื่อให้ได้รสชาติดีที่สุด คุณจำเป็นต้องมีเครื่องชงกาแฟมีคุณภาพดี เราขอแนะนำเครื่องชงกาแฟ 2 เครื่องนี้ที่เราได้ทดสอบจนมั่นใจแล้วว่ามันสามารถชงกาแฟรสชาติยอดเยี่ยมได้และคุ้มค่ากับเงินที่คุณจ่ายแน่นอน:
Electrolux รุ่น ECM1303W
[wp_live_scraper id=”440″]
ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”441″]
ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”442″]
AeroPress
[wp_live_scraper id=”425″]
ราคาปกติ [wp_live_scraper id=”426″]
ประหยัดทันที [wp_live_scraper id=”427″]
น้ำสะอาด
ใช้น้ำกรองหรือน้ำขวดหรือเลือกน้ำที่มีรสชาติดีอยู่แล้ว
เลือกแบบที่ใช้เมล็ดกาแฟทั้งเม็ด
รสชาติของกาแฟที่ดีจะเริ่มต้นที่เมล็ดกาแฟ เมล็ดกาแฟแบบทั้งเม็ดที่จัดเก็บในถุงสูญญากาศสามารถยืดระยะเวลาความสดออกไปได้นานราวๆ 10 วัน ในขณะที่เมล็ดกาแฟบดนั้นสามารถเก็บรสชาติไว้ได้นานสูงสุดไม่กี่นาทีเท่านั้น
เลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพดีหรือบดเมล็ดกาแฟด้วยตัวเอง
เมล็ดกาแฟบดแบบเข้มนั้นเป็นที่นิยมมากเนื่องจากมีแนวโน้มที่จะปกปิดรสชาติของกาแฟที่เริ่มจะเก่าได้เล็กน้อย แต่สำหรับลูกค้าบางรายอาจต้องการเมล็ดกาแฟสด
ใช้เครื่องบด
ใช้เครื่องบดเมล็ดกาแฟก่อนชงกาแฟเสมอเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
หากคุณยังไม่มีเครื่องบดเมล็ดกาแฟสักเครื่องแล้วล่ะก็ คุณควรดูคำแนะนำของเราใน การจัดอันดับของเรา
กาแฟจะมีรสชาติดีเมื่อเสิร์ฟโดยทันที
ไม่มีข้อโต้แย้งใดที่ว่ากาแฟนั้นจะรสชาติดีที่สุดเมื่อเพิ่งชงเสร็จ การใช้ขวดเก็บอุณหภูมิเพื่อรักษาความร้อนของกาแฟไว้ชั่วขณะนั้นถือว่าเป็นความคิดที่ดีเพราะด้วยแผ่นเก็บความร้อนของขวดนั้นจะช่วยทำให้กาแฟนั้นมีรสชาติ “ยอดเยี่ยม”
การทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟของคุณ
วิธีทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ
เหตุผลที่ควรทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟของคุณอย่างสม่ำเสมอนั้นก็เพื่อให้เครื่องชงกาแฟทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถชงกาแฟรสชาติดีได้ตลอดเวลา ให้ใช้น้ำสบู่ในการทำความสะอาดส่วนต่างๆ ที่ต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเช่น โถกาแฟ ตะกร้ากรองและหัวหยดกาแฟ (หากถอดได้) เครื่องชงกาแฟบางรุ่นผู้ใช้สามารถล้างผ่านเครื่องล้างจานได้เลย (ชั้นล่าง) นอกจากนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดอนน่า ดูเบิร์กจากวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิกที่มหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ยังกล่าวไว้ว่าการทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟด้วยเครื่องล้างจานในโหมดน้ำร้อนหรือฆ่าเชื้อ (หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์) จะช่วยกำจัดคราบน้ำมัน คราบสกปรกและเชื้อโรคต่างๆ ได้
พอเวลาผ่านไปเครื่องชงกาแฟที่ถูกออกแบบมาให้รับน้ำกระด้าง (สเกล) ได้นั้นอาจส่งผลต่ออุณหภูมิและคุณภาพของน้ำในโถกาแฟ ในการกำจัดคราบสกปรกนั้น (คราบสเกลที่เกิดขึ้น) เราจำเป็นต้องใช้ส่วนผสมในการทำความสะอาดดังนี้ ให้ผู้ใช้ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าอย่างละครึ่งเข้าด้วยกันหรือหากผู้ผลิตแนะนำให้ใช้ผงขจัดคราบสกปรก ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำความสะอาดนี้ต่อเดือนจะช่วยฆ่าเชื้อเครื่องชงกาแฟโดยสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เกือบ 100%
เติมน้ำส่วนผสมที่กล่าวข้างต้นพร้อมกับใช้กระดาษกรอง ปล่อยให้เครื่องชงกาแฟจนน้ำหมดไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นให้ปิดพักเครื่องเป็นเวลา 30-60 นาทีแล้วจึงเปิดให้เครื่องทำงานต่อไปจนแล้วเสร็จ
ใช้กระดาษกรองแผ่นใหม่ ใช้น้ำเย็นเพื่อทำความสะอาดเครื่องอีกสองครั้ง เช็ดทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ ล้างตะกร้ากรองและขวดเก็บอุณหภูมิด้วยน้ำร้อนและน้ำสบู่ หลังจากทุกชิ้นส่วนแห้งแล้ว ให้ผู้ใช้จัดเก็บเข้าเครื่องตามปกติ เท่านั้นคุณก็พร้อมที่จะชงกาแฟแก้วโปรดครั้งต่อไปแล้ว
คุณควรทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อเดือนและหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ในกรณีที่เครื่องรองรับน้ำกระด้าง แต่ถ้าหากเครื่องชงกาแฟของคุณมีเสียงดังหรือใช้เวลาในการชงกาแฟช้ากว่าปกติ คุณอาจต้องทำความสะอาดให้บ่อยครั้งกว่าเดิม ดังนั้นผู้ใช้ความให้เวลากับการทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟเพื่อยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความสุขในการใช้เครื่องชงกาแฟที่ “ปราศจากเชื้อโรค”
เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมแล้วสำหรับการชงกาแฟแก้วโปรดสุดอร่อยได้ที่บ้านของคุณเอง!