แนะนำ 8 เครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี ในปี 2022

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาเหตุหลักของอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับความชื้นอากาศ ล้วนมีสาเหตุมาจากเศษฝุ่น หรือคราบเชื้อราต่าง ๆ โดยเฉพาะถ้าหากคุณต้องอาศัยอยู่ในตัวอาคาร หรือห้องที่ไม่มีช่องสำหรับระบายอากาศให้ถ่ายเทได้เพียงพอ และไม่ค่อยได้รับแสงสว่างจากภายนอกเลย เช่น ห้องเก็บของ บริเวณห้องครัว ห้องน้ำ หรือชั้นใต้ดิน ซึ่งเชื่อไหมว่า… บริเวณเหล่านี้แหละคือแหล่งเก็บความชื้นที่ทำให้บ้านหรือห้องพักทั้งห้องของคุณ ต้องเต็มไปด้วยเศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว แถมยังส่งผลต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาวอีกต่างหาก

จากปัญหาที่น่ากวนใจใครหลายคน เราจึงอยากจะแนะนำให้รู้จักกับ ‘เครื่องดูดความชื้น’ หรือ ‘Dehumidifier’ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเทคโนโลยีภายในครัวเรือน ที่ถูกออกแบบมาให้ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และที่สำคัญด้วยความที่เทคโนโลยีสมัยนี้ถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ตัวเครื่องลดความชื้นที่หาซื้อได้ตามตลาดหรือเว็บไซต์ออนไลน์ ก็มักจะมาพร้อมกับฟังก์ชั่นเสริมที่ทำให้คุณสมบัติการทำงานของมันเหนือกว่าเครื่องดูดความชื้นแบบในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปทรงดีไซน์ที่มีความกระทัดรัดไม่ใหญ่เทอะทะจนเปลืองพื้นที่ ความจุของถังน้ำที่จะช่วยลดความชื้นได้นานยิ่งขึ้น หรือจะเป็นกลไกช่วยลดระดับเสียงระหว่างการทำงานของเครื่อง

ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกย่อลงมาให้อยู่ในขนาดเทียบเท่าคล้ายกับกระเป๋าเดินทางแบบพกพาได้ แถมราคาเครื่องดูดความชื้นสมัยนี้ก็ถือว่าไม่แพงจนเกินไป เมื่อเทียบกับประโยชน์ในการใช้สอยที่จะส่งผลดีต่อทั้งระบบร่างกาย และสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยเราเองในระยะยาว และทั้งหมดนี้ก็เป็นลิสต์เครื่องดูดความชื้นจากหลากหลายยี่ห้อ มีทั้งแบบ mini dehumidifier ที่เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก เช่นห้องนอนส่วนตัว หรือจะเป็นเครื่องดูดความชื้นราคาที่สูงขึ้นมาอีกหน่อย ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์การใช้งานกับพื้นที่ ๆ กว้างกว่าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

1. Bionaire BD20
2. HOMEMATE Dehumidifier HOM-16E258
3. TER Dehumidifier Basement
4. Shop108 GZ-1607
5. DJSHOP DH02
6. Household Hygrometer Mute Basement Dehumidifier
7. Shop108 Drying Mini Dehumidifier
8. Edison Portable Dehumidifier ED-12B

Bionaire BD20

เครื่องดูดความชื้น Bionaire สำหรับสเกลห้องที่กว้างกว่า พร้อมระบบปรับอุณหภูมิในตัว

ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอเครื่องดูดความชื้น mini ราคาถูกที่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็กกันไปแล้ว คราวนี้จะพาไปส่องเครื่องดูดความชื้น Bionaire รุ่น BD20-i ซึ่งเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์กว่าสำหรับคนที่กำลังมองหาเครื่องลดความชื้นสำหรับสเกลพื้นที่ ๆ กว้างกว่า

ด้วยความที่มันเป็นเครื่องดูดความชื้นที่เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดไม่เกิน 60 ตารางเมตร จึงอาจทำให้ตัวเครื่องดูดความชื้น Bionaire มีน้ำหนักที่ค่อนข้างหนักถึง 13 กิโลกรัม ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับการนำไปใช้แบบพกพาไปยังที่ต่าง ๆ เท่าไหร่นัก แต่เหมาะสำหรับการตั้งประจำไว้ภายในตัวอาคาร เช่น โรงงาน ห้องเก็บเอกสาร หรือที่อยู่อาศัยของเรามากกว่า

ตัวถังน้ำสามารถรองรับความจุได้มากถึง 2.3 ลิตร และช่วยลดความชื้นภายในพื้นที่นั้น ๆ ได้มากถึง 20 ลิตร/วัน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนการลดค่าความชื้นที่ค่อนข้างมากกว่าหลายเท่าตัวหากเทียบกับ mini dehumidifier ทั่วไป นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติได้ 5.35 องศาเซลเซียส เพื่อให้ระดับความชื้นสัมพันธ์ของห้องนั้น ๆ คงอยู่ในระดับที่พอดีไม่มากหรือน้อยเกินไปได้อีกด้วย

อีกทั้งยังมีระบบการทำงานแบบอัตโนมัติที่ช่วยประหยัดพลังงานหรือค่าไฟได้อีกหลายเท่า โดยตัวเครื่องจะมีเซ็นเซอร์ที่ตรวจสอบได้ว่าระดับความชื้นอยู่ในเกณฑ์ที่พอดีหรือไม่ หากมากเกินไป ตัวเครื่องก็จะเริ่มทำงานเพื่อดูดซับความชื้นโดยอัตโนมัติ และหากความชื้นอยู่ในระดับที่พอดี ตัวเครื่องก็จะทำการหยุดการทำงานเพื่อประหยัดพลังงานได้เช่นกัน

HOMEMATE Dehumidifier HOM-16E258

จัดเต็มกับความจุที่มากกว่า รองรับการดูดความชื้นให้มากขึ้นด้วยเครื่องดูดความชื้น HOMEMATE

อีกหนึ่งนวัตกรรมเครื่องดูดความชื้นชั้นเลิศจากแบรนด์ HOMEMATE ตัวเครื่องถูกออกแบบมาด้วยรูปทรงดีไซน์ที่ดูทันสมัย แม้ตัวเครื่องจะมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องดูดความชื้น mini แต่ก็ติดมากับล้อลากช่วยให้เคลื่อนย้ายได้ง่ายขึ้น มีการใช้วัสดุอย่างดีในการประกอบ ทนทานต่อการกระแทกและทนต่อการกัดกร่อนของสนิมได้ด้วย

เครื่องดูดความชื้น HOMEMATE รุ่นนี้ถือว่ามีรูปลักษณ์หน้าตาที่ใช้งานง่าย มีหน้าจอที่แสดงผลด้วย LCD พร้อมแสดงโปรแกรมการทำงานต่าง ๆ รวมไปถึงระดับความชื้นปัจจุบันของห้องได้อย่างเที่ยงตรง โดยตัวถังน้ำสามารถรองรับความจุได้มากถึง 5 ลิตร และยังช่วยลดความชื้นภายในห้องได้สูงสุด 25 ลิตร/วัน เลยทีเดียว เหมาะสำหรับการใช้งานแบบอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็น การลดความชื้นภายในห้องใต้ดิน ลดความชื้นจากเครื่องนอนที่มีกลิ่นเหม็นอับ อีกทั้งยังช่วยลดแบคทีเรียหรือการเกิดเชื้อราที่มักจะฝังตัวอยู่ตามผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย

Dehumidifier รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่เฉลี่ยประมาณ 20-25 ตารางเมตร มากที่สุด ซึ่งนอกเหนือจากโหมดใช้งานพิเศษอย่างเช่น โหมดดูดความชื้นอัตโนมัติ หรือการตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติแล้ว ตัวเครื่องดูดความชื้น HOMEMATE ยังสามารถใช้งานเป็นเครื่องฟอกอากาศได้ด้วย

แต่สำหรับเรื่องของเสียงขณะเปิดใช้งาน ตัวเครื่องดูดความชื้น HOMEMATE อาจจะให้ระดับเสียงที่มากกว่า mini dehumidifier ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 45 dB แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับราคาเครื่องดูดความชื้นรุ่นนี้ ที่สามารถลดระดับความชื้นได้สูงถึง 90% เลยทีเดียว

TER Dehumidifier Basement

เครื่องดูดความชื้น TER ส่งตรงนวัตกรรมจากอเมริกา พร้อมดูดซับความชื้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ

รับประกันในเรื่องประสิทธิภาพของการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ด้วยเครื่องดูดความชื้น TER ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีฐานผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา และต้องถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่อง Dehumidifier ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดฝั่งตะวันตก

ข้อดีส่วนหนึ่งก็ต้องยกให้กับรูปทรงและดีไซน์ของเจ้า TER ที่ทำออกมาให้ดูเรียบง่าย มีขนาดที่ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป แถมยังมีการใช้วัสดุ ABS ซึ่งเป็นพลาสติกเกรดพรีเมียมที่ทนทานได้ดีต่อสภาพอากาศ และมีความยืดหยุ่นกว่าไม่แตกหักง่าย ๆ

ตัวเครื่องดูดความชื้น TER รุ่นนี้สามารถบรรจุน้ำลงในถังได้มากถึง 2,500 ML ซึ่งเป็นปริมาณที่ทำให้ตัวเครื่องสามารถช่วยลดความชื้นลงได้มากกว่า 10 ลิตร ต่อ 24 ชั่วโมง และลดความชื้นในพื้นที่นั้น ๆ ลงได้มากถึง 90% เลยทีเดียว โดยรวมแล้ว Dehumidifier รุ่นนี้ เหมาะสำหรับใช้ในพื้นทีประมาณ 25 – 80 ตารางเมตร ไม่ว่าจะเป็น ห้องประชุม ห้องทำงาน ห้องครัว หรือแม้แต่ห้องนอน

นอกเหนือจากการใช้งานเพื่อดูดซับความชื้นอากาศ ในห้องที่เหม็นอับแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าเครื่องดูดความชื้นจาก TER รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่หลากหลายกว่า เช่น ระบบ Quick Drying ที่ช่วยลดเวลาการตากผ้าของคุณให้น้อยลง หรือโหมด Mute Dehumidifier ซึ่งเป็นโหมดความเงียบที่ให้คุณไม่ต้องรู้สึกรำคาญใจกับเสียงการทำงานของตัวเครื่องอีกต่อไป แถมยังมาพร้อมกับระบบฟอกอากาศในตัว ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า ทั้งตัวคุณเองและคนที่คุณรักจะได้รับอากาศออกซิเจนที่สะอาดและปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดบวม หรืออาการภูมิแพ้ที่เกิดจากความอับชื้นที่มากเกินไปในอากาศ

โดยรวมแล้วหากคุณกำลังมองหา Dehumidifier ราคาไม่สูงมากจนเกินไป แต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างหลากหลายให้เลือก เครื่องดูดความชื้น TER ก็ถือว่าเป็นอีกตัวที่น่าจับตามองอยู่ไม่น้อย

Shop108 GZ-1607

เครื่องดูดความชื้น mini พกพาสะดวก ใช้งานง่าย พร้อมรูปทรงดีไซน์สุดทันสมัย

นับว่าเป็นหนึ่งใน mini dehumidifier ราคาถูก ที่ชูโรงด้านจุดเด่นมาด้วยขนาดของรูปทรงที่เล็กกระทัดรัด และยังถูกออกแบบให้มีหน้าตาของตัวเครื่องที่ดูทันสมัย เหมาะกับการนำไปวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน

แม้จะเป็นเครื่องดูดความชื้น mini แต่คุณสมบัติการใช้งานต่าง ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร ตัวเครื่องใช้วัสดุที่ผลิตมาจาก ABS ซึ่งเป็นวัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศ และไม่แตกหักง่ายเมื่อถูกกระทบกระเทือน แถมยังรองรับความจุของถังน้ำได้ในระดับ 800 ML ซึ่งนับว่าเป็นระดับที่พอเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ขนาดตั้งแต่ 30 – 80 ตารางเมตร อีกทั้งยังสามารถลดความชื้นได้มากถึง 90% ด้วยปริมาณ 300 ML ภายใน 24 ชั่วโมงได้อีกด้วย

แม้ว่าฟังก์ชั่นเสริมสำหรับการใช้งานของรุ่นนี้อาจจะไม่โดดเด่นเท่ารุ่น Dehumidifier ราคาสูง ๆ แต่โดยพื้นฐานแล้วรุ่นนี้ก็นับว่าเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมในบ้านของคุณขณะเปิดใช้งาน เพราะมันมีระดับเสียงที่ดังเพียงแค่ 30dB นับว่าเป็นระดับที่ไม่ดังเกินจนกลายเป็นเสียงรบกวนให้รู้สึกรำคาญใจ อีกทั้งยังมีสัญญาณคอยแจ้งเตือนเมื่อเครื่องดูดความชื้น mini ดูดความชื้นจากอากาศจนน้ำเต็มเครื่อง ไม่ต้องคอยเปิดเช็คอยู่บ่อย ๆ ให้เสียเวลา

โดยรวมแล้วถือว่าเครื่องดูดความชื้น mini ราคาถูกรุ่นนี้ เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ ๆ ไม่กว้างเกินไป เช่น หอพัก ห้องนอนส่วนตัว หรือในรถ แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ ๆ กว้างกว่า เช่น ห้องประชุม ห้องโถง หรือห้องนั่งเล่นที่มีขนาดพื้นที่มากกว่า 80 ตารางเมตรขึ้นไป เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าเครื่องดูดความชื้น mini รุ่นนี้ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับชาวหอ หรือคนที่อยากนำไปเปิดใช้งานเพื่อดูดความชื้นเฉพาะจุดก็ได้เช่นกัน

DJSHOP DH02

นวัตกรรมเครื่องดูดความชื้น DJSHOP เปลี่ยนบรรยากาศของห้องเหม็นอับให้น่าอยู่

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาเครื่องดูดความชื้นที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตร ไปจนถึงประมาณ 80 ตารางเมตร

รูปทรงและการออกแบบดีไซน์ของเครื่องดูดความชื้น DJSHOP รุ่นนี้อาจจะดูไม่ล้ำสมัยเท่ากับรุ่นอื่น ๆ แต่ด้านฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นระดับการดูดความชื้นต่อวันที่มากถึง 23 ลิตร พร้อมความจุถังน้ำในระดับ 2,000 ML ซึ่งช่วยรองรับการใช้งานได้นานกว่ารุ่นที่มีความจุถังน้ำในระดับที่น้อยกว่า

นอกจากนั้นตัวเครื่องดูดความชื้น DJSHOP รุ่นนี้ยังสามารถตั้งระดับค่าความชื้นที่เราต้องการดูดได้แบบอัตโนมัติ เช่น หากคุณต้องการนำไปใช้งานในห้องที่ถูกปิดทึบ มีความชื้นสูง และไม่มีคนอาศัยอยู่ คุณอาจจะตั้งค่าความชื้นไว้ที่ประมาณ 55-60% เมื่อตัวเครื่องดูดลดระดับความอับชื้นในห้องลงให้เท่ากับปริมาณที่เรากำหนด ตัวเครื่องก็จะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อประหยัดพลังงาน และเมื่อค่าความชื้นของห้องนั้น ๆ เริ่มสูงขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ ตัวเครื่องก็จะกลับมาทำงานโดยอัตโนมัติได้อีกเช่นกัน

ซึ่งนอกเหนือจากการเป็นเครื่องดูดความชื้นที่มีประสิทธิภาพการทำงานได้ตรงตามมาตรฐานทั่วโลกแล้ว เจ้าเครื่องดูดความชื้น DJSHOP รุ่นนี้ยังสามารถใช้งานเป็นเครื่องฟอกอากาศ เพื่อเพิ่มความบริสุทธิ์และความสะอาดให้กับออกซิเจนได้อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่อการดูแลสุขภาพในระยะยาวทั้งต่อตัวคุณเองและคนที่คุณรัก…

Household Hygrometer Mute Basement Dehumidifier

เครื่องดูดความชื้น mini ขนาดจิ๋ว การใช้งานแจ๋ว ลดความอับชื้นในห้องได้จริง

นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจพอสมควร หากคุณกำลังมองหา mini humidifier ราคาถูกสบายกระเป๋า แต่สามารถนำไปใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องมากังวลว่าเมื่อซื้อของราคาถูกมาแล้ว คุณภาพการใช้งานของตัวเครื่องดูดความชื้นจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการหรือคาดหวังไว้

ซึ่งต้องบอกก่อนว่าสำหรับเครื่องดูดความชื้น mini รุ่นนี้ อาจจะเหมาะสำหรับการใช้งานในห้องขนาดเล็ก ที่มีขนาดประมาณ 20 ตารางเมตรโดยเฉลี่ย เนื่องจากขนาดของตัวเครื่องที่ค่อนข้างเล็กกว่ารุ่นอื่น ๆ ทำให้มันมีความจุของถังน้ำเพียงแค่ 1 ลิตรเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังสามารถใช้ดูดความชื้นอากาศได้ในระดับ 1.1 ลิตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว

รูปร่างหน้าตาของเจ้าเครื่องดูดความชื้น mini รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เพียงกดสวิทช์ที่ตัวเครื่อง ระบบก็จะเริ่มฟอกอากาศและดูดซับความชื้นจากพื้นที่ ๆ เหม็นอับของคุณได้แบบอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการทำความเข้าใจฟังก์ชั่นต่าง ๆ หรือการอ่านคู่มือที่แลดูยุ่งยากน่าปวดหัว

จุดเด่นอีกด้านนึงของเจ้า mini humidifier ราคาถูกรุ่นนี้ เราต้องยกให้กับขนาดน้ำหนักที่เบาหวิว สามารถเคลื่อนย้ายเพื่อนำไปดูดความชื้นตามจุดมุมอับต่าง ๆ ของห้องได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังไม่ส่งเสียงรบกวนระหว่างเปิดใช้งานให้รู้สึกกวนใจด้วยระดับเสียงที่ต่ำกว่า 35 dB

Shop108 Drying Mini Dehumidifier

อีกหนึ่งทางเลือกของนวัตกรรม mini dehumidifier ราคาถูก เพื่อสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่เป็นมิตร

อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับเครื่องดูดความชื้น mini จาก Shop108… สำหรับรุ่นนี้ต้องถือว่าคุณสมบัติการทำงานของมันอาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าเครื่องดูดความชื้นสเกลที่ใหญ่กว่า ทว่าเมื่อเอามาเทียบกับกลุ่มเครื่องดูดความชื้น mini จากค่ายอื่น ๆ แล้ว ต้องถือว่าตัวนี้มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ค่อนข้างจะครบถ้วนกว่าพอสมควร

เริ่มต้นกันที่รูปทรงและดีไซน์ของตัวเครื่อง จะเห็นได้ว่ามันมีขนาดรูปทรงที่ค่อนข้างเล็กกระทัดรัดไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป อีกทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาที่ดูทันสมัยราวกับว่าเป็นเครื่องที่มาจากโลกอนาคต แถมยังใช้วัสดุ ABS อย่างดี ช่วยให้ทนต่อสภาพอากาศและการใช้งานได้ดีในระยะยาว

ด้านคุณสมบัติการใช้งานสำหรับเจ้า mini dehumidifier รุ่นนี้ก็ถือว่าไม่เป็นสองรองใครเลยทีเดียว ตัวถังสามารถจุน้ำได้มากถึง 500 มิลลิลิตร (ครึ่งลิตร) อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานเพื่อลดความชื้นได้สูงสุด 300 มิลลิลิตร/24 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้ความชื้นอากาศภายในห้องที่เหม็นอับของคุณลดลงไปได้มากถึง 90% เลยทีเดียว

นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับระบบตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อไหร่ที่คุณเปิดเครื่องทิ้งไว้เป็นเวลานาน ๆ และความชื้นสัมพันธ์ในห้องลดลงมาอยู่ในระดับที่พอดี ตัวเครื่องจะพักการทำงานโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อไหร่ที่ความชื้นในห้องเริ่มสูงขึ้น ตัวเครื่องก็จะกลับมาทำงานเองโดยอัตโนมัติอีกครั้ง รับประกันได้ว่าแม้คุณจะไม่อยู่บ้าน แต่ตัวเครื่องจะยังคงทำงานเพื่อลดความชื้นในอากาศให้คุณอยู่เสมอ ซึ่งเจ้า mini dehumidifier ราคาถูกรุ่นนี้เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในพื้นที่ห้องประมาณ 30 – 90 ตารางเมตร ซึ่งเป็นระดับพื้นที่ ๆ ทำให้ตัวเครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

Edison Portable Dehumidifier ED-12B

เครื่องดูดความชื้น Edison นวัตกรรมแห่งความปลอดภัย เพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าในครัวเรือน

สำหรับแบรนด์ Edison ต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งค่ายที่ผลิตเครื่องดูดความชื้นออกมาได้อย่างมีมาตรฐานและเชื่อถือได้สำหรับการนำไปใช้งานจริง และสำหรับรุ่น ED-12B ตัวนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้สมกับราคาพอสมควร

รูปทรงของตัวเครื่องดูดความชื้น Edison นับว่าออกแบบมาได้ดูทันสมัย คงความเรียบง่าย และใช้วัสดุ ABS อย่างดีในการประกอบเพื่อให้ทนทานต่อทุกการใช้งานและสภาพอากาศ อีกทั้งยังมีการเคลือบสารพิเศษเพื่อป้องกันการเกิดสนิมของตัวเครื่องที่อาจมากับความชื้นได้อีกด้วย

เครื่องลดความชื้นรุ่นนี้รองรับความจุของถังน้ำได้สูงสุด 2.3 ลิตร และสามารถช่วยลดอัตราความชื้นในอากาศได้สูงสุด 80% คิดเป็นปริมาณ 12 ลิตร/วัน ซึ่งนับว่าเพียงพอต่อการนำไปใช้งานในพื้นที่ขนาดประมาณ 20 ตารางเมตรขึ้นไป แต่อาจจะมีบางจุดที่ทำให้ตัวเครื่องดูดความชื้น Edison ด้อยกว่ารุ่นอื่น ๆ เช่น ระดับเสียงขณะเปิดใช้งานเครื่องที่อยู่ในระดับประมาณ 47 dB ซึ่งต้องถือว่าเป็นระดับเสียงที่ดังกว่าทุกรุ่นที่เรานำเสนอมา และไม่มีระบบตั้งเวลาอัตโนมัติรองรับ

แต่ก็ใช่ว่าตัวเครื่องดูดความชื้น Edison จะต้องอาศัยการใช้งานแบบอานาล็อกอย่างเดียวเท่านั้น เพราะภายในตัวกลไกการทำงานได้ถูกแทรกมาด้วยระบบเซนเซอร์ตรวจจับระดับความชื้นอัตโนมัติ เมื่อไหร่ที่ตรวจพบว่าระดับความชื้นอากาศสูงกว่าปกติ ตัวเครื่องก็จะทำการดูดซับความชื้นและช่วยกรองอากาศให้โดยอัตโนมัติ

แม้เครื่องดูดความชื้น Edison จะไม่มีฟังก์ชั่นลูกเล่นที่หวือหวาเหมือนรุ่นอื่น ๆ ที่มีช่วงราคาใกล้เคียงกัน แต่หลังจากการทดลองใช้งานแล้วก็พบว่าตัวเครื่องสามารถลดกลิ่นอับ หรือคราบเชื้อราที่มาจากความชื้นได้จริง ซึ่งหากคุณกำลังมองหาเครื่องดูดความชื้นราคาแบบสมเหตุสมผล สินค้าจากแบรนด์สัญชาติแคนาดารุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เราอยากแนะนำเช่นเดียวกัน

เพราะความชื้นในอากาศที่มากเกินไป มักจะนำมาซึ่งสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น เชื้อรา ฝุ่น ไร และอีกสารพัดเชื้อโรคที่เติบโตได้ดีในความชื้น แถมยังส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวของเราด้วย ดังนั้นการเลือกใช้เครื่องดูดอากาศ หรือ dehumidifier ที่ตอบโจทย์ต่อขนาดพื้นที่และกำลังในการดูดซับความชื้น อาจเป็นสิ่งที่จำเป็นหากคุณอยากดูแลสภาพแวดล้อมภายในตัวบ้านของคุณให้น่าอยู่และปลอดภัยต่อร่างกายคนรอบข้างในระยะยาว…